เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตำรวจตะเวนชายแดน กองกำลังผสมฝ่ายปกครอง ทั้งชาย และหญิง ร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำ ปฏิบัติการตามมาตรการป้องปราม ด้วยการบุกแบบจู่โจมเข้าไปในเรือนนอนของผู้ต้องขัง จับตรวจฉี่
เช้าตรู่ของวันที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 05.30 น. ที่ เรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23, ฝ่ายปกครองฝ่ายท้องที่ / เจ้าหน้าที่ชุด ชรบ./ ผรส., กองร้อยอาสารักษาดินแดน, ศูนย์อำนวยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ และเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ จัดเป็นกองกำลังผสม แบ่งมอบหมายหน้าที่ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ จู่โจมเข้าไปในเรือนจำ บุกเรือนนอนของผู้ต้องขัง ทั้งชาย และผู้ต้องหญิง เพื่อทำการตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย ที่อาจจะถูกญาติของผู้ต้องขัง แอบซุกซ้อนนำเข้าไปให้ผู้ต้องขัง โดยเฉพาะยาเสพติด โทรศัพท์ ไฟแช็ต อื่นๆ ที่เป็นสิ่งต้องห้ามนำเข้าไปภายในเรือนจำ เพราะอาจจะนำเข้าไปสร้างอิทธิพล สร้างอำนาจขาใหญ่ซ้อนอำนาจผู้คุม หรืออาจจะไปเตรียมการทำร้ายผู้ต้องขังอื่น ทำร้ายผู้คุม แหกคุกได้ โดยในการบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ ได้มี นายนพ พงษ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เดินทางมาเปิดปฏิบัติการ ร่วมกับ นายอรรถสิทธิ์ ทองแสง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมเจ้าหน้าที่เรือนจำทุกนาย
โดยนายนพ พงษ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า กิจกรรมการบุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำ ตรวจค้นเรือนนอนของผู้ต้องขัง ทั้งผู้ต้องชาย และผู้ต้องขังหญิง นับเป็นมาตรการ 1 ในอีกหลายมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ เป็นสถานที่รวมของบรรดาผู้กระทำความผิดกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของยาเสพติด โดยผู้ต้องขัง ราว 80% จะเป็นผู้ต้องในคดียาเสพติด เพื่อป้องกันการสั่งการ การกระทำการ การขยายอิทธิพล การเกี่ยวข้องกับยบาเสพติด แม้จะอยู่ในภาระของการเป็นผู้ต้องขังอยู่ การตรวจค้นก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งในการป้องกัน ป้องปราม และหากพบก็ปราบปรามเพิ่มโทษ โดยตอนนี้ทราบว่าในเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ มีจำนวนผู้ต้องขังชาย จำนวน 1,701 คน ผู้ต้องขังหญิง จำนวน 156 คน รวมทั้งสิ้น 1,857 คน ซึ่งเป็นอัตราที่มาก พร้อมกันนี้ในการตรวจค้นเรือนนอนแล้ว ยังได้สุ่มผู้ต้องขังทั้งชาย และหญิง ในการนำเข้าสู่กระบวนการตรวจฉี่ เพื่อตรวจสอบว่า ภายหลังจากต้องโทษคดียาเสพติดแล้ว เมื่อพ้นระยะเวลาของการออกฤทธิ์ของสารเสพติด ยาบ้า แล้ว แจะยังคงมีสีม่วงหรือไม่ และหากพบ ก็จะบ่งชี้ได้ว่า มีการแอบลักลอบนำยาบ้า ยาเสพติด เข้ามาเสพในเรือนจำ ก็จะต้องเพิ่มโทษ พร้อมสอบสวนหาต้นตอของการลักลอบนำยามาเสพในเรือนจำ มาจากทางไหน มาอย่างไร ใครเป็นผู้จำหน่าย ตามกระบวนการต่อไป ซึ่งผลของการตรวจฉี่ผู้ต้องขังตัวอย่างจากการสุ่มในวันนี้ ปรากฏว่าไม่พบผู้ต้องขังที่มีฉี่สีม่วงแม้แต่คนเดียว จึงเชื่อได้ว่า ไม่มียาเสพติด ยาบ้า ระบาดภายในเรือนจำศรีสะเกษ พร้อมไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในเรือนนอนของผู้ต้องขังด้วย
///////////////////////
ภาพ/ข่าว นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ / ศรีสะเกษ
