จอดรถหน้าบ้าน ถูกมือดีทุบกระจกรถ 2 คันรวด

จอดรถยนต์อยู่หน้า ถูกมือดีนำก้อนหินมาทุบกระจกรถ 2 คันรวด ในหมู่บ้านจัดสรรศิริทรัพย์ทวีโชค หน้าเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ แจ้งตำรวจขอดูกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน ไม่เห็นคนทุบ แต่พ่อเชื่อฝีมือลูกชาย จิตเวชจากเสพยาเสพติด อยากให้เจ้าหน้าที่รับตัวนำไปรักษา

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 12.30 น. คุณป้า วัย 63 ปี อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรศิริทรัพย์ทวีโชค หน้าเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ หลังจากไปส่งสามี เข้าฟอกไตที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เมื่อช่วงเช้าก่อนกลับมาพักผ่อนที่บ้าน พอถึงเวลาก็ได้ออกจากบ้านปิดประตูเพื่อที่จะไปที่รถ และจะได้ขับไปรับสามี แต่ปรากฏว่าเมื่อเดินทางมาถึงที่รถพบรถถูกทำลายทั้ง 2 คัน คันแรก เก๋ง toyota vios กจ 5061 ศรีสะเกษ คันที่สองเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ nissan navara ทะเบียน กค 935 ศรีสะเกษ ทั้งสองคันถูกทุบจากเศษกระถางปูน ทุบเข้าไปที่กระจกด้านหน้ารถยนต์ทั้ง 2 คัน แตกยุบเป็นรูขนาดใหญ่ แต่ยังไม่แตกออกจากกัน ได้รับความเสียหายอย่างหนักไม่สามารถที่จะมองเห็น และขับออกไปได้ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ให้ช่วยมาตรวจสอบ และขอดูกล้องวงจรปิดบ้านข้างเคียง แต่ปรากฏว่ากล้องไม่สามารถมองไปเห็นคนกระทำ เห็นแต่รถยนต์กระบะจอดไว้หน้าบ้านเท่านั้น แต่พ่อที่มีลูกชาย วัย 51 ปี ที่อาศัยอยู่ข้างบ้านติดกันเป็นผู้กระทำ เพราะก่อนพบเจอกระจกรถยนต์ถูกทุบ ได้ยินเสียงดังโครมคราม เสียงทุบทำลายข้าวของในบ้าน ซึ่งข้างบ้านจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ดังมาจากบ้านข้างๆ ที่มีลูกชายเป็นจิตเวชจากการเสพยา เคยนำไปตัวไปรักษาแต่หนีกลับมาอยู่บ้าน โดยมีพ่อดูแลอยู่ ขณะที่พ่อเองก็ต้องออกไปออกไปทำงานนอกบ้าน จากเช้า เย็นจึงกลับมา วันใดที่ไม่ทานยาลูกชายก็จะมีอาการเช่นนี้ จึงชื่อว่า ลูกชายจิตเวชวัย 51 ปี เอาก้อนหินมาทุบรถยนต์ 2 คันดังกล่าว

จากนั้นคุณป้า วัย 63 ปี ได้เข้าแจ้งความกับ ร้อยตำรวจเอก อภิสิทธิ์ สุโพธิ์ ร้อยเวร สภ.เมืองศรีสะเกษ ว่ารถยนต์ ทั้ง 2 คัน ของตนถูกมือดีทุบทำลายขณะจอดอยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง ในหมู่บ้านสรร ศิริทรัพย์ทวีโชค หน้าเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของ นายเอ นามสมมุติ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนายบี  เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ที่มีอาการป่วยเป็นจิตเวชจากการเสพยา พ่อเคยพาไปเข้าโครงการบำบัด แต่ก็หลบหนีมา และมาหลบอยู่ที่บ้านหลังนี้ ในหมู่บ้านจัดสรรนี้ และพ่อก็ว่าลูกชายตนไม่ทำร้ายใครแล้ว ก็เลยปล่อยให้อยู่บ้านเพียงลำพัง ขณะที่ตนเองออกไปทำงานนอกบ้าน ข้างบ้านไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะรู้ว่าเป็นจิตเวชจากการเสพยา แต่วันนี้เชื่อว่าน่าจะอันตรายแล้ว แต่แจ้งความ ชดใช้ค่ากระจก คันละ 5,000.- บาท รวม 2 คัน 10,000.- บาทจะไม่ได้เสียแล้ว เพราะหากเขาคลุ้มคลั่งมาอีก และไล่ทำร้ายคนในหมู่บ้าน ฆ่าคนตายจะทำอย่างไร จึงอยากให้เจ้าหน้าที่มารับไปดูแลรักษาด่วน ซึ่งพ่อก็ยอมที่จะให้เจ้าหน้าที่มารับแล้ว เพราะไม่รู้จะไปติดต่อใครเช่นกัน

////////////////////////

ภาพ/ข่าว นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ / ศรีสะเกษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!